Skip to main content

เตือนภัย !! การขับรถเยอะๆ เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง จาก UVA และ UVB

 เตือนภัย !! การขับรถเยอะๆ เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง จาก UVA และ UVB


ถ้าคุณเป็นคนที่มีชีวิตแบบยุคนี้ เป็นเรื่องปกติที่คุณอาจพบว่าต้องขับรถตลอดเวลาเพื่อทำงานหรือติดตามกิจกรรมต่างๆ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าการขับรถเยอะๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้หรือไม่? ในบทความนี้เราจะมาสำรวจและพูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดกันครับ


เตือนภัย !! การขับรถเยอะๆ เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง จาก UVA และ UVB


1.UVA และ UVB: แสงที่เป็นอันตราย


  • UVA

UVA เป็นรูปแบบหนึ่งของแสงแดดที่มีความเข้มข้นสูงและสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ลึก มันเป็นตัวกำหนดสีผิวและสามารถเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและผิวหนังเสียหายได้


  •  UVB

UVB เป็นรูปแบบอีกตัวของแสงแดดที่สามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ มันมีความสามารถในการทำให้เกิดการแตกต่างของผิวหนัง เป็นสาเหตุหลักของการเกิดผิวแดงและการเป็นมะเร็งผิวหนัง


2. ผลกระทบของการขับรถตลอดเวลา


เมื่อคุณอยู่ในรถ มันไม่ใช่แค่การป้องกันตัวจากการชนของรถเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันตัวจากแสงแดดที่มีความเป็นอันตราย เมื่อเราอยู่ในรถ แสง UVA และ UVB ยังสามารถเข้าสู่รถและส่งผลกระทบต่อผิวหนังของเราได้


3. วิธีป้องกัน


ติดฟิล์มกรองแสง UVA และ UVB


  • checked

    ติดฟิล์มกรองแสง UVA และ UVB


ใช้ที่บังแดดที่มีคุณสมบัติป้องกัน UVA และ UVB อย่างสม่ำเสมอ เมื่อขับรถตลอดเวลา


สวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสง UV

  • checked

    สวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสง UV

ใส่เสื้อผ้าที่มีส่วนที่ป้องกันจากแสง UV เมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการสัมผัสแสง UVA และ UVB


ทาครีมกันแดด


  • checked

    ทาครีมกันแดด


ต้องไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดด เพราะรังสีจากแสงแดดสามารถส่องมาทำร้ายผิวหนังได้ แม้ว่าจะอยู่ในร่มก็ตาม


สรุป


อินฟราเรด แสงสีฟ้า ทำร้ายผิว

คนส่วนใหญ่จะกลัว UV มาก เพราะนอกจากจะทำให้คอลลาเจนเสื่อม จุดด่างดำแล้วก็ยังทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย แต่จริงจริงแล้วยังมีรังสีอื่นๆที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป ที่ทำร้ายผิวได้อีกก็คืออินฟราเรดแล้วก็บูลไลท์ซึ่งเจอในจอคอมจอมือถือแล้วก็หลอดไฟที่บ้าน แสงพวกนี้ทำให้เกิดความร้อนแล้วก็อนุมูลอิสระทำลายผิวและคอลลาเจนได้ ทำให้เกิดรอยเหี่ยวและความหย่อนคล้อยได้ลึกกว่า UV ด้วยซ้ำ



เรื่องของมะเร็งผิวหนังและการเป็นโรคตามมานั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนสนใจและกังวล เพื่อให้คุณได้เข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่คือ 10 คำถามที่มักจะพบบ่อย พร้อมคำตอบในแบบสุขภาพเชิงลึกครับ:


1.การขับรถเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังที่ร่างกายเป็นอย่างไร?

   - การขับรถในช่วงเวลาที่อาจได้รับแสงแดดโดยตรง อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เนื่องจากการเผชิญต่อแสง UVA และ UVB ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนัง


2.วิธีป้องกันการเป็นมะเร็งผิวหนังในระหว่างการขับรถคืออะไร?

   - การป้องกันมะเร็งผิวหนังในระหว่างการขับรถ เช่น การใช้เครื่องสำอางที่มี SPF, การใส่หมวกกันแดดและเสื้อผ้าที่ป้องกันแสง UV, และการหลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงเวลาที่แสงแดดมีความเข้มข้นสูง


3.มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังหลังการขับรถเป็นระยะเวลานาน?

   - การขับรถในระยะเวลานานอาจทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะในบริเวณที่เผชิญต่อแสงแดดอย่างต่อเนื่อง เช่น ในบริเวณแก้ม และแผลผิวหนัง


4.การแตกต่างระหว่าง UVA และ UVB คืออะไร?

   - UVA เป็นรูปแบบของแสงแดดที่มีความเข้มข้นสูงและสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ลึก ในขณะที่ UVB เป็นรูปแบบของแสงแดดที่สามารถเข้าสู่ผิวหนังได้เล็กน้อย แต่มีความเป็นอันตรายมากขึ้น


5.สารอันตรายในแสงแดดทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังอย่างไร?

   - แสงแดดประกอบด้วย UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดมะเร็งผิวหนัง โดยมันสามารถทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้โดยตรง


6.อาหารหรือเครื่องดื่มใดบ้างที่สามารถช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งผิวหนังได้?

   - อาหารที่มีสารอาหารเสริมอย่างวิตามิน C และ E, อันได, และคารอทีนอย่างเสมอสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและป้องกันการเสียหายจากแสงแดดได้


7.การออกกำลังกายสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังหรือไม่?

   - ใช่, การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้


8.เวลาที่เหมาะสมในการอยู่ในแสงแดดคือเท่าใด?

   - เวลาที่เหมาะสมในการอยู่ในแสงแดดคือในช่วงเวลาเช้าหรือบ่าย โดยเฉพาะในช่วงเวลาระหว่าง 10 โมงเช้าถึง 4 โมงบ่าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดไม่ได้เข้มข้นมากที่สุด


9.การใช้ครีมกันแดดมีประโยชน์อย่างไร?

   - การใช้ครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวหนังจากการเผชิญต่อแสง UVA และ UVB ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนังได้ โดยมันช่วยลดความเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังลง


10.หากมะเร็งผิวหนังเป็นอันตรายขนาดไหน และมีวิธีรักษาอย่างไร?

   - มะเร็งผิวหนังเป็นโรคที่มีความรุนแรงและอันตราย เนื่องจากมันสามารถขยายขนาดและกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ วิธีการรักษามะเร็งผิวหนังได้แก่การผ่าตัดเพื่อตัดออกที่เป็นมะเร็ง รักษาด้วยรังสี หรือทายาเคมี



ดังนั้น การขับรถเป็นระยะเวลานานอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากการเผชิญต่อแสงแดด UVA และ UVB ที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในผิวหนัง แต่คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ครีมกันแดดอย่างเหมาะสมและการรักษาสุขภาพผิวหนังของคุณอย่างเหมาะสมอีกด้วย


Comments

Popular posts from this blog

"จริงไหม! ที่เนื้อคู่จะหน้าตาเหมือนกัน"

  "จริงไหม! ที่เนื้อคู่จะหน้าตาเหมือนกัน"     ความสัมพันธ์ที่สวยงามระหว่างคู่รักมักมีหลายปัจจัยที่เป็นผลมากมาย บางครั้งความคล้ายคลึงกันในเรื่องของลักษณะภายนอกของเนื้อคู่ อาจทำให้เกิดความสงสัยในใจของเราว่ามันเกิดจากอะไร จริงไหม! ที่เนื้อคู่จะหน้าตาเหมือนกัน? เพื่อเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น เราต้องมาพูดถึงภาวะที่เรียกว่า "Mere Exposure Effect" กันครับ 1. Mere Exposure Effect คืออะไร?     Mere Exposure Effect เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้เจอสิ่งนั้นๆ หรือคนนั้นๆ บ่อย ๆ และมีแนวโน้มที่จะมองเห็นในแง่บวกมากขึ้น โดยที่เราไม่รู้สึกตระหนักถึงการเจอเหล่านั้น 2. การทดลองและการวิจัย      การศึกษาทางจิตวิทยาได้พบว่าผู้ที่ได้สัมผัสสิ่งนั้นๆ หรือเจอคนนั้นๆ บ่อย ๆ มักจะมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา หรือมีการปรับพฤติกรรมต่อเขาในทางที่ดีขึ้น เช่น ถ้าเราเจอคนแปลกหน้า แต่เค้าชื่อเหมือนเรา เราจะมีแนวโน้ม จะรู้สึกคุ้นเคยหรือรู้สึกดีกับเค้าได้มากขึ้น หรือ มีสิ้นค้าอยู่สองตัว ตัวที่เราเห็นบ่อยบ่อย กับอีกตัวที่เราไม่เคยเห็นเลย เราก็จะเลือกตัวที่เราเห็นบ่อย...

ทำไมโกนหนวดแล้วหนวดแข็งขึ้น ??

  ทำไมโกนหนวดแล้วหนวดแข็งขึ้น ?? การโกนหนวดเป็นสิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำเพื่อให้ดูสะอาดและเป็นระเบียบ แต่เคยสังเกตไหมว่า บางครั้งเมื่อเราโกนหนวดแล้ว หนวดกลับแข็งขึ้นและดูหนาขึ้นกว่าเดิม? นี่คือความรู้สึกที่หลายคนรู้สึกว่ามันจริงหรือเป็นเพียงความเชื่อ เรามาดูกันว่าทำไมโกนหนวดแล้วหนวดแข็งขึ้นจริงไหม? ความเชื่อที่ว่าโกนหนวดทำให้หนวดแข็งขึ้น ความเชื่อนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อเราสัมผัสกับหนวดที่เพิ่งถูกโกน มันอาจจะให้ความรู้สึกที่แข็งและหนากว่าหนวดที่ยาวแล้ว นั่นเป็นเพราะเมื่อเราโกนหนวด เราโกนเฉพาะส่วนที่อยู่นอกผิวหนัง ทำให้ปลายของหนวดมีลักษณะที่คมและตรงกว่าหนวดที่งอกออกมาเอง ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การโกนหนวดไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือความหนาของเส้นหนวด นั่นหมายความว่า การที่หนวดดูเหมือนจะแข็งขึ้นหลังการโกน เกิดจากความรู้สึกทางผิวสัมผัสมากกว่าการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของหนวด ทำไมหนวดถึงรู้สึกแข็งขึ้น? ปลายคมและตรง:เมื่อหนวดถูกโกน ปลายของหนวดจะเป็นปลายที่คมและตรง ซึ่งเมื่อหนวดเริ่มงอกออกมา มันจะให้ความรู้สึกที่แข็งและหยาบกว่าหนวดที่ยาวแล้ว การเติบโตอย่างรวดเร็...

ทำไมนักกีฬาถึงวิ่งไม่เหนื่อย

  ทำไมนักกีฬาถึงวิ่งไม่เหนื่อย นักกีฬาบางครั้งสามารถวิ่งได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะเค้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็เลยฟิต ซึ่งวันนี้ผมก็จะมาเล่าครับ ว่าความฟิตในนั้นมันเกิดจากอย่างงี้ครับ 1. กล้ามเนื้อแข็งแรง นักกีฬามีการฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้กล้ามเนื้อของพวกเขาเรียบเรียงและแข็งแรงขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถวิ่งได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก 2. การฝึกฝนกล้ามเนื้อที่ทนทาน การฝึกฝนแบบต่อเนื่องช่วยเสริมความทนทานของกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้นักกีฬาสามารถทำงานกายภายใต้สภาวะการเคลื่อนไหวที่มีความยากลำบากได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย 3. ปอดและหัวใจแข็งแรง การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมสร้างปอดและหัวใจให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถนำเสนอออกซิเจนและโลหิตไปยังกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักกีฬาสามารถวิ่งได้โดยไม่เหนื่อย 4. โภชนาการที่ถูกต้อง กรดอะมิโนกลุ่ม BCAAs เป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น และช่วยในกระบวนการฟื้นตัวหลังจากการออกกำลังกาย แต่เราไม่สามารถสร้างกรดอะมิโนกลุ่ม BCAAs ด้วยตัวเองได้ สามารถหากรดอะมิโนกลุ่ม B...