Skip to main content

Posts

Showing posts from April, 2024

กินไข่ทำให้แผลเป็นนูนจริงหรือ !! ??

  กินไข่ทำให้แผลเป็นนูนจริงหรือ !! ?? เรื่องของแผลเป็นและการรับประทานไข่เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่หลายคนสงสัยและมักจะมีความเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะกับความเชื่อที่ว่า "กินไข่แล้วแผลเป็นนูน" ซึ่งถ้าคุณเคยได้ยินคำนี้มาจากใครสักคน คุณอาจจะสงสัยว่าเรื่องนี้จริงแค่ไหน วันนี้เราจะมาดูกันว่าไข่มีผลต่อแผลเป็นอย่างไร และความเชื่อนี้มีที่มาอย่างไร แผลเป็นนูนคืออะไร? แผลเป็นนูน หรือที่รู้จักในชื่อทางการแพทย์ว่า "คีลอยด์" (Keloid) คือแผลเป็นที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเกินกว่าปกติ เป็นแผลเป็นที่นูนขึ้นมาจากผิวและมักมีสีเข้มกว่าสีผิวทั่วไป บางครั้งอาจมีอาการคันหรือเจ็บเมื่อสัมผัส ที่มาของความเชื่อ "กินไข่ทำให้แผลเป็นนูน ความเชื่อนี้มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและความเข้าใจที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลายคนเชื่อว่าไข่ซึ่งเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงอาจทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเกินปกติ หรือทำให้การสร้างแผลเป็นเพิ่มขึ้น จึงเกิดความเชื่อว่าไข่ทำให้แผลเป็นนูน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไข่และแผลเป็นนูน การรับประทานไข่ในระดับปกติไม่ส่งผลให้แผลเป็นเจริญเติบโตมากเกินไป หรือทำให้เกิด...

วิธีการกดสิวที่ถูกต้อง!!

  วิธีการกดสิวที่ถูกต้อง!! การมีสิวบนใบหน้าหรือร่างกายอาจทำให้เราเสียความมั่นใจในตัวเอง และการกดสิวเป็นวิธีที่หลายคนใช้เพื่อลดสิวให้หายเร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน การกดสิวอย่างไม่ถูกต้องสามารถทำให้สิวอักเสบหรือเกิดรอยแผลเป็น ดังนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า การกดสิวสามารถใช้ร่วมกับการทายาเพื่อรักษาสิวได้อย่างไร และวิธีการทำอย่างปลอดภัย ชนิดสิวมีอะไรบ้าง ?? และวิธีกดอย่างถูกวิธี **สิวหัวดำ: วิธีการกดอย่างถูกต้อง** สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน หากต้องการกดสิวหัวดำ คุณควรใช้เครื่องมือสำหรับกดสิวโดยเฉพาะ โดยวิธีที่ถูกต้องคือ: - ทำความสะอาด: ล้างมือและหน้าให้สะอาดก่อนทำการกดสิว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ - ใช้เครื่องมือสะอาด: เครื่องมือควรทำจากสแตนเลสและผ่านการฆ่าเชื้อ เช่น การล้างด้วยแอลกอฮอล์ - ใช้ความกดดันเบาๆ: วางเครื่องมือเหนือสิวหัวดำ แล้วค่อยๆ กดเบาๆ จนสิวออกมา อย่ากดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยแผลเป็น **สิวอักเสบ: ควรหลีกเลี่ยงการกด** สิวอักเสบมักมีลักษณะเป็นสิวแดงที่มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส การกดสิวอักเสบเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให...

หญ้าหวานดีกว่าน้ำตาลยังไง??

  หญ้าหวานดีกว่าน้ำตาลยังไง?? เมื่อพูดถึงสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่ม "น้ำตาล" มักเป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึง แต่ในปัจจุบันนี้ หญ้าหวาน (หรือที่เรียกว่า สตีเวีย) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการลดการบริโภคน้ำตาลและควบคุมน้ำหนัก บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับหญ้าหวานและเปรียบเทียบกับน้ำตาลเพื่อดูว่าหญ้าหวานดีกว่าน้ำตาลอย่างไรบ้าง 1.หญ้าหวานคืออะไร? หญ้าหวานเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศปารากวัย ใบของหญ้าหวานมีความหวานสูงกว่าน้ำตาลหลายเท่า แต่ไม่มีแคลอรี ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความหวานแต่ไม่อยากเพิ่มน้ำหนัก 2.หญ้าหวานดีกว่าน้ำตาลยังไง?? หญ้าหวานสามารถให้ความหวานทั้งๆที่ไม่มีน้ำตาล เนื่องจากอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะทำให้ตับหลั่งอินซูลินออกมามากจนอ่อนล้า สุดท้ายก็จะทำให้สร้างอินซูลินได้ลดลงทำให้เรากลายเป็นโรคเบาหวาน และน้ำตาลยังสามารถจับกับโปรตีนได้ ทำให้โปรตีนในเซลล์เสื่อม เรียกว่ากระบวนการไกลเคชัน ทำให้เกิดอนูมูลอิสระในร่างกายเยอะมากและยังทำให้แก่ก่อนวัย เพราะฉะนั้นเราควรเลี่ยงน้ำตาลและหันมาใช้ความหวานจากหญ้าหว...

ประโยชน์ของเห็ดรา: สารสกัด KOJIC ACID สูตรสำหรับผิวที่สวยงาม

  ประโยชน์ของเห็ดรา: สารสกัด KOJIC ACID สูตรสำหรับผิวที่สวยงาม เห็ดราถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอันตรายมนุษย์ เนื่องจากบางชนิดของเห็ดรามีพิษและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ก็มีเห็ดราบางชนิดที่มีประโยชน์และถือว่าปลอดภัยต่อการบริโภค เช่น การใช้เห็ดราในการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม เวชภัณฑ์ ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคต่างๆ หรือวิตามิน นอกจากนี้ เห็ดรายังมีความสำคัญในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในธรรมชาติและช่วยในกระบวนการหมุนเวียนธาตุในระบบนิเวศได้อย่างมีประสิทธิภาพเห็ดราไม่เพียงแค่เป็นอาหารที่อร่อยและเสริมสร้างสุขภาพ แต่ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยดูแลและบำรุงผิวหน้าให้ดูสวยงามอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งหนึ่งใน สารสำคัญที่ได้รับความนิยมจากเห็ดราคือ สารสกัด KOJIC ACID ที่มีประโยชน์มากมายสำหรับผิวหน้า KOJIC ACID คืออะไร?? KOJIC ACID คือสารสกัดที่มาจากเห็ดรา มีคุณสมบัติที่ช่วยในการลดการผลิตเม็ดสีมเม็ดเม็ดสีเม็ด ซึ่งทำให้ผิวมีสีเข้มลง และช่วยในการลดอาการผิวหมองคล้ำ นอกจากนี้ยังเป็นสารที่มีความแทรกซึมได้ดีในผิวหนัง เพื่อช่วยให้ผิวขาวใสมีความกระจ่างใสขึ้นตามธรรมชาติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ได้รับความนิ...

ระวัง!! สกินแคร์ต่อไปนี้ “ ไม่ควร “ ใช้ร่วมกัน (ถ้าไม่อยากหน้าพัง)

  ระวัง!! สกินแคร์ต่อไปนี้ “ ไม่ควร “ ใช้ร่วมกัน (ถ้าไม่อยากหน้าพัง) การดูแลผิวหน้าและรักษาสุขภาพผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ควรใช้ร่วมกันอาจมีผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อสุขภาพผิวหน้าได้ เพื่อความรับรู้และความเข้าใจที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้อควรระวังและเหตุผลสำคัญเกี่ยวกับสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกันนั้นจึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อผิวหน้าของตนเองได้อย่างมั่นใจ ต่อไปนี้เป็นข้อควรระวังและเหตุผลที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้ สกินแคร์ที่ " ไม่ควร " ใช้ร่วมกัน 1. เรตินอล และ วิตามินซีเซรั่ม    - เรตินอลจะสูญเสียประสิทธิภาพถ้าหน้าผิวมีค่า PH ที่ต่ำ หรือทีค่าความเป็นกรด ซึ่งวิตามินซีเซรั่มเป็นกรด และอีกทั้งเรตินอลและวิตามินซีเซรั่ม เวลาใช้จะเกิดความระคายเคืองอยู่นิดนึง เมื่อใช้ร่วมกันจะทำให้ผิวหน้าเรายิ่งแห้ง เพราะฉะนั้นเราควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับผิวหน้า เช่น การใช้วิตามินซีเซรั่มในช่วงเช้า เพราะวิตามินซีเซรั่มช่วย...